รถกระเช้าชนิดกรรไกร

ปัจจุบันมีการใช้เครื่องจักรยกคนขึ้นทำงานบนที่สูงในงานอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในเครื่องจักรยกคนที่นิยมใช้กันมากทั้งในโรงงานและงานก่อสร้างคือ รถกระเช้าชนิดกรรไกร เนื่องจากมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงในการทำงาน แต่หากมีการใช้งานที่ไม่ถูกต้องแล้ว ก็อาจส่งผลให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงกับผู้ปฏิบัติงานได้ จึงจำเป็นยิ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น วิศวกร ผู้ควบคุมงาน จป. และผู้ปฏิบัติงานต้องมีความเข้าใจถึงอันตราย ความเสี่ยง และเทคนิคการป้องกันอันตรายเพื่อลดความรุนแรงและการบาดเจ็บ เสียชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้นได้

อันตรายจากรถกระเช้าชนิดกรรไกร
รถกระเช้าชนิดกรรไกร (Scissor Lift, X-Lift) จัดเป็นรถกระเช้าประเภทขับเคลื่อนได้ในตัวเองที่มีการทำงานขึ้น-ลงในแนวดิ่ง โดยกลไกโครงสร้างหลักที่ใช้ในการยกกระเช้าคล้ายกรรไกรและสามารถขับเคลื่อนไปในแนวราบได้ จากสถิติของหน่วยงานบริหารอาชีวอนามัยและความปลอดภัยแห่งสหรัฐอเมริกา (OSHA) พบว่ามีอุบัติเหตุจากรถกระเช้าชนิดนี้มากกว่า 20 กรณีในแต่ละปีที่สามารถป้องกันได้ โดยส่วนใหญ่เกิดจาก 3 กรณีหลัก ดังนี้

การป้องกันการตกจากที่สูง
เสถียรภาพของรถกระเช้า
ตำแหน่งทำงานของรถกระเช้า

การใช้งานรถกระเช้าชนิดกรรไกรอย่างปลอดภัย
o ผู้ปฏิบัติงานจำเป็นยิ่งที่จะต้องเข้าสำรวจพื้นที่ปฏิบัติงานเพื่อชี้บ่งอันตราย เพื่อเลือกใช้ชนิดของรถกระเช้าที่เหมาะสม
o ผู้บังคับรถกระเช้าชนิดกรรไกรต้องทำการประเมินการควบคุมที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตกจากที่สูง เสถียรภาพ และตำแหน่งทำงานที่เหมาะสมของรถกระเช้า
o ผู้บังคับรถกระเช้าชนิดกรรไกรต้องได้รับการฝึกอบรมและผ่านการทดสอบในภาคปฏิบัติ
o การใช้งานรถกระเช้าชนิดกรรไกรต้องปฏิบัติตามคู่มือของผู้ผลิต ขั้นตอนการปฏิบัติงาน อย่างเคร่งครัด และสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) ตลอดเวลาในการปฏิบัติงาน

การป้องกันการตกจากที่สูง
รถกระเช้าชนิดกรรไกรต้องมีราวกันตกติดตั้งเพื่อป้องกันผู้ปฏิบัติงานโดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
– ตรวจสอบสภาพของราวกันตกทุกครั้งก่อนปฏิบัติงาน
– ขณะทำงานต้องยืนบนพื้นกระเช้าเท่านั้น ห้ามปีน ยืน บนราวกันตกโดยเด็ดขาด
– ปฏิบัติงานภายในระยะเอื้อมถึงได้โดยสะดวกเท่านั้น ห้ามพิงราวกันตกออกไปด้านนอก

เสถียรภาพของรถกระเช้า
ผู้ปฏิบัติงานต้องแน่ใจว่ารถกระเช้าชนิดกรรไกรตั้งอย่างมั่นคงและจะไม่พลิกคว่ำหรือถล่ม นอกจากนั้น ยังมีข้อควรระวังสำหรับผู้ปฏิบัติงานดังนี้
– ในการเคลื่อนที่ของรถกระเช้า ต้องปฏิบัติตามคู่มือผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเคลื่อนที่ขณะกระเช้าอยู่ในระดับสูง
– ให้ปิดกั้นพื้นที่การจราจรของรถและเครื่องจักรอื่น ออกจากพื้นที่การทำงานของรถกระเช้า
– พื้นที่ปฏิบัติงานต้องมั่นคง ระดับพื้นอยู่ในระนาบ ไม่มีหลุม บ่อ เอียง สิ่งกีดขวาง ขยะ เป็นต้น
– ใช้งานในพื้นที่นอกอาคาร เมื่อสภาพอากาศไม่มีสภาพลมแรง โดยทั่วไปจะจำกัดความเร็วลมที่เหมาะสมไว้ไม่เกิน 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (28 ไมล์ต่อชั่วโมง)